สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจงกรณี ‘โรฮีนจา’ หลังฝ่ายค้านซัดกลางประชุมสภา

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจงกรณี ‘โรฮีนจา’ หลังฝ่ายค้านซัดกลางประชุมสภา

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาชี้แจงกรณีของกลุ่มลี้ภัยชาว โรฮีนจา ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ยังเดินหน้าปราบปรามกระบวนการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่อง พลตำรวจตรี ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกแถลงหลังจากที่ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ได้อภิปรายในประชุมสภาถึงประเด็นของการปราบปรามจับกุมคดีค้ามนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นของ ชาว “โรฮีนจา” เมื่อปี พ.ศ. 2558

ซึ่งทางฝ่ายค้านได้อภิปรายในเชิงที่ว่า ทางเจ้าหน้าที่ไม่ให้ความสำคัญ 

ไร้ประสิทธิภาพ และดำเนินการในลักษณะไม่มีมาตรฐานในการปฏิบัติที่เป็นธรรมนั้น ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอชี้แจงดังนี้

1.คดีค้ามนุษย์ “โรฮีนจา” พื้นที่ สภ.ปาดังเบซาร์ จว.สงขลา เมื่อวันที่ 1 พ.ค.58 คดีนี้เป็นคดีที่เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร ตาม ป.วิอาญา มาตรา 20 ซึ่งอัยการสูงสุดเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ต่อมาอัยการสูงสุดได้แต่งตั้งพนักงานสอบสวนฝ่ายตำรวจและฝ่ายอัยการ เป็นคณะพนักงานสอบสวน ร่วมทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาค้ามนุษย์, อาชญากรรมข้ามชาติ และข้อหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ซึ่งก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้ขอให้ศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ จำนวน 155 ราย จับกุมตัวได้แล้ว จำนวน 120 ราย เสียชีวิต จำนวน 2 ราย และหลบหนี อยู่ระหว่างติดตามจับกุมเพิ่มเติม จำนวน 33 คน ซึ่งในส่วนของผู้ต้องหาที่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีแล้ว

ศาลอาญาและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไปแล้วหลายราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกา อย่างไรก็ตาม หากท่านใดมีข้อมูลหรือเบาะแสเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์ ที่สามารถนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดเพิ่ม ก็ขอได้โปรดแจ้งมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอยืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ทุกรายโดยไม่มีละเว้น

2. สำหรับนโยบายการปราบปรามจับกุมการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้ การกำกับดูแลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และภายใต้การนำ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีความมุ่งมั่นปราบปรามจับกุม ตามนโยบายรัฐบาล อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมามีการเร่งรัดปราบปรามจับกุมมาโดยตลอด มีผลการจับกุมและดำเนินคดีในปี 2564 จำนวน 182 คดี และ ปี 2565 จำนวน 11 คดี

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตระหนักถึงความสำคัญ และความจำเป็นในการที่จะต้องเร่งปราบปรามจับกุมคดีที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ รวมทั้งอาชญากรรมทั่วไป ประชาชนที่ทราบเบาะแส สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานีตำรวจ หรือที่หมายเลข 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเบาะแสและความร่วมมือของพี่น้องประชาขน รวมทั้งหน่วยราชการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการปราบปรามจับกุมการค้ามนุษย์

องค์การนิสิต เตรียมยื่นจุฬาฯ เสนอมอบปริญญา ‘ปวีณ’

องค์การนิสิต แถลงเตรียมยื่นเสนอทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเสนอมอบปริญญา ปวีณ พงศ์สิรินทร์ หลังทะลายค้ามนุษย์ องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความและเอกสารลงเฟซบุ๊ก โดยเนื้อหาในเอกสารนั้นระบุว่าทางองค์การบริหารสโมสรนิสิตเตรียมยื่นเสนอ ผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยออกปริญญากิตติมศักดิ์ ระดับปริญญาเอก ด้านรัฐประศาสนศาสตร์

ให้แก่ พลตำรวจตรี ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ที่ขณะนี้ลี้ภัยในประเทศออสเตรเลีย จากการนำผู้กระทำผิดในการลักลอบนำชาวโรฮิงญาเข้าประเทศและอาชญากรรมที่ต่อเนื่อง มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เมื่อปี 2558

โดยข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า “คณะกรรมการกลางบริหาร องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงเห็นว่า พลตำรวจตรี ปวีณ พงศ์สิรินทร์ สมควรได้รับพระราชทานปริญญารัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับ พลตำรวจตรี ปวีณ พงศ์สิรินทร์ และเป็นตัวอย่างอันดีแก่สังคมให้เชิดชูบุคคลที่กระทำความดีโดยสุจริตใจและไม่หวังสิ่งตอบแทน ความดีอันเกิดจากเนื้อแท้แห่งตน ผู้ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ และแม้ต้องเผชิญความยากลำบากแห่งการกระทำความดี ก็หาได้หยุดกระทำความดีนั้น แต่กลับยิ่งเร่งรุดช่วยเหลือผู้คน จนต้องตกระกำลำบากดังเช่นที่ทุกคนทราบกันดี” คณะกรรมการกลางบริหาร องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุ

“นอกนั้นแล้ว การมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ดังกล่าว ยังเป็นการประกาศถึงพันธกรณีของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการสนับสนุนผู้กระทำความดีให้เป็นที่เชิดชูของสังคมต่อไป”

นายธนกรฯ กล่าวต่อไปว่า ด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเทของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหากาค้ามนุษย์อย่างจริงจัง ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นรัฐบาลว่ามึความตั้งใจแก้ไขปัญหามากกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา สอดคล้องกับผลสำรวจของซูเปอร์โพล (SUPER POLL) ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76.0 ระบุ รัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความสำคัญต่อด้านมนุษยธรรมและการคุ้มครองมากกว่าอดีตที่ผ่านมา

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป